พาสปอร์ตไทย เที่ยวได้ไม่ต้องขอวีซ่า
เรื่องและภาพโดย : Pornphen Kijcharoenwong
ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเข้าใจกันผิดๆ ว่าประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่านั้นเราสามารถเดินทางไปเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ความจริงแล้วนั้นเป็นแค่ “ไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า” แต่ยังไงเราก็ยังคงต้องไปรับตราประทับที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองของประเทศนั้นๆ ซ่ะก่อนถึงจะมีสิทธิ์เข้าไปท่องเที่ยวได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนายหน้าด่าน(ตม.) เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ประทับตราให้เราผ่านเข้าเมืองได้ หากเขาสงสัยว่าเรามีพฤติกรรมหรือมีทีท่าว่าอาจจะหลบหนีเข้าเมือง หรือพกสิ่งของต้องห้ามผิดกฎหมายเข้าเมืองเขา และในแต่ละครั้งที่ลงตราประทับให้เข้าเมือง ในแต่ละประเทศก็จะมีระยะเวลาจำกัดในการพำนักอยู่ในประเทศนั้นๆ แตกต่างกันไป
เราลองมาดูกันนะคะว่า 30 ประเทศที่อนุญาตให้คนไทยเที่ยวได้โดยไม่ต้องขอวีซ่านั้นมีประเทศไหนบ้าง
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 14 วัน ได้แก่
กัมพูชา ดินแดนที่อุดมไปด้วยสถาปัตยกรรมและเทวสถานที่เคยรุ่งเรืองมากในอดีต ด้วยมีประวัติศาสตร์ที่สำคัญและยาวนาน ความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ น้ำตก ภูเขา ทะเลสาบ และมีหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง “นครวัด-นครธม”
เมียนมาร์ หรือพม่า อีกหนึ่งประเทศเพื่อนบ้านที่ขึ้นชื่อในด้านศิลปะและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นดินแดนที่เราควรเดินทางไปกราบสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันสักครั้งในชีวิต อย่างเช่น พระมหาเจดีย์ชเวดากอง พระธาตุอินทร์แขวน เทพกระซิบ เทพทันใจ ใครที่เป็นสายบุญควรแค่แก่การไปเยือนมาก
บรูไน หรือ เนอการาบรูไนดารุซซาลาม ถ้าพูดถึงประเทศที่มีความร่ำรวยเป็นอันดับท็อปๆ ของโลก เชื่อเถอะว่าคุณจะต้องได้ยินชื่อนี้แน่นอน เมืองเล็กๆ บนเกาะบอร์เนียวแห่งนี้มั่งคั่งทั้งเรื่องความร่ำรวยและสถานที่ท่องเที่ยว สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่อลังการ ทั้งมัสยิดทองคำและพระราชวัง Istana Nurul Iman ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บาห์เรน เป็นเมืองท่าและศูนย์กลางการค้าในอ่าวเปอร์เซีย มีชื่อเสียงทางด้านไข่มุกและการต่อเรือ ด้วยค่าครองชีพที่ออกจะแพงไปสักนิดเลยทำให้ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากคุณชอบสถาปัตยกรรมอันงดงามล่ะก็ บาร์เรนก็สามารถตอบโจทย์ได้ดี ที่นี่มีสถานที่ๆ น่าสนใจอย่างเช่น Bahrain World Trade Center และป้อมปราการโบราณ Arad Fort ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 15 วัน ได้แก่
ญี่ปุ่น เชื่อหรือไม่ว่าถ้าคุณจะไปเที่ยวฤดูไหนก็ต้องพบเจอคนไทยอยู่เสมอ เสน่ห์ของแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้มีมากมายและหลากหลาย ทั้งอาหารการกิน แหล่งชอปปิ้งและยังมีความสวยงามทางวัฒนธรรมที่ถูกใจชาวไทยสุดๆ สถานที่ๆ น่าสนใจมีมากมายหลายที่เช่น ภูเขาไฟฟูจิ หมู่บ้านหลังคาโบราณ ชิราคาวะโกะ ทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ศาลเจ้าจิ้งจอกแดง และปราสาทฮิเมจิ เป็นต้น
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 30 วัน ได้แก่
ลาว ตั้งแต่เหนือจรดใต้ไม่ว่าจะเมืองไหนๆ ก็มีที่เที่ยวรอเราอยู่ทั้งนั้น ประเทศลาวมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงาม มีเมืองมรดกโลกอย่างหลวงพระบางเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราวของลาวได้เป็นอย่างดี ใครที่รักวัฒนธรรม ชอบชมวิถีชีวิตจึงต้องไปเยือนลาวสักครั้ง สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็มี หลวงพระบาง เมืองเวียงจันทน์ เมืองวังเวียง น้ำตกคอนพะเพ็ง ที่ราบสูงโบลาเวน เป็นต้น
ฟิลิปปินส์ ถือเป็นดินแดนแห่งที่มีความสวยงามของธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ทะเลสวยน้ำใส ภูเขาไฟสูง และศาสนสถานที่มีกลิ่นอายของสเปนปะปนอยู่ สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตก็จะมี อุทยานธรรมชาติปะการังตุบบาตาฮา ภูเขาไฟปินาตูโบ ภูเขาช็อกโกแลต เกาะเซบู เป็นต้น
อินโดนีเซีย ภูเขาไฟโบรโม่ บาหลี คือทริปในฝันที่ใครๆ ก็อยากไปเยือน แถมค่ากินค่าเที่ยวที่นี่ก็ไม่แพงมากนอกจากนั้นแล้ว ที่อินโดนีเซียแห่งนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องความงดงามของโบราณสถานและวัด ที่เป็นตัวแทนศิลปะและวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างฮินดูและจีนได้อย่างลงตัว
มาเลเซีย เพื่อนบ้านทางชายแดนใต้ที่คนไทยอย่างเราเดินทางไปง่ายแสนง่าย มีมัสยิดสีชมพูสไตล์อิสลาม วัดศรีมหามาเรียมมันสไตล์ฮินดู ย่านไชน่าทาวน์แบบจีน และแลนด์มาร์กที่แสดงถึงความหรูหราทันสมัยอย่างตึกแฝดปิโตรนาส นอกจากในตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยอดเขากีนาบาลู อุทยานแห่งชาติกุนุงมูลู เกาะปูเลาปายาร์และอื่นๆ อีกมากมาย
เวียดนาม เมืองที่หลายๆ คนอยากลองไปดูสักครั้ง เวียดนามเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทะเลสาบมุยเน่ นาขั้นบันไดที่ซาปา อ่าวฮาลองเบย์ หรือแม้แต่เมืองมรดกโลกฮอยอัน คือสิ่งที่จะเติมเต็มความฝันของคุณให้มีสีสันยิ่งขึ้น ถ้าใครไม่อยากไปเที่ยวไกล ที่นี่แหละคือคำตอบ
สิงคโปร์ ประเทศที่เติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีความทันสมัยเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย แม้ว่าสิงคโปร์จะมีพื้นที่เพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถมัดใจนักท่องเที่ยวได้อยู่หมัด เพราะนอกจากการไปช้อปปิ้งแล้ว ที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจเช่นเกาะเซ็นโตซ่า สิงคโปร์ฟลายเออร์ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ มาริน่า เบย์ การ์เด้นส์ บาย เดอะ เบย์ และวัดพระเขี้ยวแก้ว
ไต้หวัน กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยมักจะเลือกให้เป็นสถานที่ๆ สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิน ดื่ม เที่ยว หรือจะเป็นเรื่องวัฒนธรรมก็มีให้ครบ วัดวาอาราม เมืองโบราณต่างๆ ด้วยค่าเงินที่ไม่ค่อยจะต่างจากเงินบาทไทยของเรามากนักทำให้ไต้หวันใครไปก็หลงรัก สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ(ทาโรโกะ) เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น อุทยานแห่งชาติอาลีซาน พุทธอุทยาน โฝ กวง ซาน ไทเป 101 และเมืองไถจงถิ่นกำเนิดของชานมไข่มุกและชาบู
ฮ่องกง ขาช้อปห้ามพลาด ที่นี่แหละสวรรค์ของขาช้อปที่รวบรวมแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกมาไว้ให้คุณได้จับจ่ายใช้สอยในราคาเบาๆ แถมยังมีร้านอาหารอร่อยๆ รับรองเลยว่างานนี้ สบายตัว สบายใจ แต่อาจไม่สบายเงินในกระเป๋า สำหรับที่เที่ยวที่น่าสนใจได้แก่ วิคตอเรียพีค อะ ซิมโฟนี่ ออฟ ไลท์ ริมอ่าววิคตอเรีย ขึ้นกระเช้านองปิงเพื่อสักการะพระใหญ่ทินถ่าน วัดหวังต้าเซียน และวัดเจ้าแม่กวนอิม
มาเก๊า เป็นเกาะเล็กๆ ไม่ห่างจากฮ่องกงเท่าไรนัก มาเก๊ารู้จักกันดีในหมู่นักเสี่ยงโชคเพราะมีกาสิโนถูกกฎหมายมากมาย ในอดีตมาเก๊าเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส จึงทำให้มีกลิ่นอายของโปรตุเกสอยู่มาก ทั้งบ้านเรือนและวัฒนธรรมการกิน มีบรรยากาศที่โรแมนติก ซากประตูโบสถ์ St. Paul วัดอาม่า โบสถ์ จตุรัสเชนาโด้ หรือจะเดินเล่นช้อปปิ้งเพลินๆ ในห้างสไตล์อิตาลีอย่างเวเนเชี่ยนก็เก๋ไม่หยอก
มองโกเลีย ด้วยวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายอยากไปซบไหล่ใกล้ชิดธรรมชาติ มองโกเลียนี่แหละคือดินแดนในฝัน สถานที่ท่องเที่ยวของมองโกเลียที่เป็นที่นิยมได้แก่ เมืองอูลานบาตาร์ อุทยานแห่งชาติเทือกเขาอัลไต ทะเลทรายโกบี ทะเลสาบฮุฟสกุล เป็นต้น
การ์ต้า ไข่มุกแห่งเปอร์เซีย ดินแดนเล็กๆ แต่รวยที่สุดในโลกแห่งนี้เป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่มีพื้นที่เป็นเกาะ(เพราะมีแต่ทะเลทราย) แต่ก็เต็มไปทรัพยากรทางธรรมชาติไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากสถาปัตยกรรมสวยๆ สไตล์อิสลามอย่างหมู่บ้านวัฒนธรรม Katara แล้ว มัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab ซึ่งเป็นมัสยิดประจำชาติที่ผสมผสานวัฒนธรรมอาหรับร่วมสมัยซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของการ์ตาร์ไปแล้ว
ตุรกี ถือเป็นประเทศมหาเสน่ห์ มีทั้งสถาปัตยกรรมที่ผสามผสานระหว่างอารยธรรมตะวันออกและตะวันตก ธรรมชาติสุดมหัศจรรย์ และที่พลาดไม่ได้คือเมืองอิสตันบลู เมืองสองทวีป วิหารเทพีอาร์เทมิส พระราชวังทอปกาปิ สุเหร่าเซนต์โซเฟีย สุเหร่าสีน้ำเงิน ช่องแคบบอสฟอรัส และอีกหนึ่งไฮไลท์คือการได้ขึ้นบอลลูนที่คัปปาโดเกียแค่นี้ก็ฟินน์แล้ว
รัสเซีย ถ้าวีซ่าฝั่งยุโรปขอยาก เปลี่ยนมาเที่ยวรัสเซียสิ คำนี้ไม่ได้พูดเกินจริง หน้าหนาวก็หนาวจับใจ สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปก็เป็นเอกลักษณ์ที่รับรองได้เลยว่าประทับใจแน่นอน สถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังได้แก่ จัตุรัสแดง มหาวิหารเซนต์เบซิล พระราชวังฤดูหนาว มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ เลนินฮิลส์ ทะเลสาบไบคาล
มัลดีฟส์ สวรรค์ของคนรักท้องทะเลไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำ มีทั้งดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น ด้วยน้ำทะเลที่ใสสะอาด หาดทรายขาวสวย เนียนละเอียด แถมยังมีที่พักกลางทะเลเยอะแยะมากมาย บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ แบบนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว
เซเชลส์ เป็นเกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรอินเดีย ด้วยความที่ประเทศเซเซลส์ล้อมรอบไปด้วยท้องทะเล น้ำทะเลใสราวกับคริสตัล หาดทรายขาวเนียนนุ่มละเอียดน่าสัมผัส ธรรมชาติครบครันแบบนี้จึงทำให้เป็นสวรรค์ของคนรักทะเล แถมผู้คนก็ไม่พลุกพล่านเหมาะกับการไปฮันนีมูนเสียจริง
แอฟริกาใต้ ดินแดนสองมหาสมุทร แอฟริกาใต้มีทั้งชายฝั่ง ภูเขา ทะเลทราย ป่าอันเขียวชอุ่ม และสัตว์ป่า เหมาะสำหรับการเปิดโลกผจญภัยเป็นที่สุด เมืองที่โด่งดังก็คือเมืองเคปทาวน์ ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงาม เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็จะมี แหลมกู๊ดโฮป อุทยานแห่งชาติพีลาเนสเบิร์ก อุทยานแห่งชาติ Kruger เขตอนุรักษ์ธรรมชาติมูซินา เป็นต้น
สาธารณรัฐวานูอาตู ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของบันจี้จัมพ์ วานูอาตูเป็นประเทศหมู่เกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีภาษาพูดมากถึง 113 ภาษา แถมยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูงมาก นอกจากนี้ธรรมชาติป่าเขายังอุดมสมบูรณ์ มีเกาะให้ดำน้ำดูปะการังและปลานีโมได้มากมายถึง 83 เกาะคนพื้นเมืองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข วานูอาตูยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก ใครไปวานูอาตูแล้วไม่ได้สัมผัสกับท้องทะเลถือว่ายังมาไม่ถึงวานูอาตู
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 90 วัน ได้แก่
เกาหลีใต้ ที่แดนกิมจิแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยนิยมบินมาเที่ยวมากที่สุด สิ่งที่น่าสนใจนอกจาก รสชาติอาหารแล้ว แหล่งชอปปิ้งและที่เที่ยวทางธรรมชาติของที่นี่ก็มีไม่น้อยเลย เช่นพระราชวังเคียงบกกุง อุทยานแห่งชาติซอรัคซาน เกาะนามิ เกาะเชจู แล้วค่อยแวะไปช้อปปิ้งย่านเมียงดงและย่านทงแดมุน
บราซิล เป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดเพลงแนวบอสซาโนว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เช่น อุทยานแห่งชาติแลงคอยส์ มารานฮานส์ น้ำตกอีกวาซู น้ำตกหลุมยักษ์แห่งอุทยานแห่งชาติชาปาดา รูปปั้นของพระเยซูคริสต์ รัฐรีโอ เด จาเนโร เป็นต้น
อาร์เจนตินา มีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติสุดน่าทึ่ง น้ำตกอีกวาซูน้ำตกที่ยิ่งใหญ่และสวยงามอลังการสุดซึ่งแบ่งอาร์เจนตินาและบราซิลออกจากกัน ธารน้ำแข็งเปริโต มอเรโน เมืองหลวงอย่างบัวโนสไอเรสที่เป็นต้นกำเนิดของจังหวะแทงโก้ มาร์เดลปลาตาซึ่งเป็นเมืองรีสอร์ทอันดับหนึ่งของประเทศก็สวยงามไม่แพ้กัน
ชิลี มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างเกาะอีสเตอร์หนึ่งในเกาะที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก เป็นที่ตั้งของรูปปั้นโมไอ รูปปั้นหินยักษ์หน้าคน อุทยานแห่งชาติเลากา ปูกอน ทะเลทรายอาตากามา เมืองซานติอาโก ทะเลสาบเปโล บัลปาราอีโซเมืองแห่งนี้ขึ้นชื่อด้านบ้านเรือนสีสันสดใส วัฒนธรรมแบบโบฮีเมียน เป็นต้น
เอกวาดอร์ เป็นประเทศที่จุดกึ่งกลางโลก ละติจูดที่ 00, 00, 00 ที่อนุสาวรีย์แห่งใจกลางโลกด้วยนะ เอกวาดอร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งภูเขาไฟที่งดงาม น้ำตกและท้องทะเล มีสัตว์ป่าหายากมากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ โบสถ์คณะแห่งพระเยซูเจ้า กรุงกีโต ภูเขาไฟโกโตปักซี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคูยาเบโน หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นต้น
เปรู ดินแดนแห่งอินคามีซากอารายธรรมโบราณที่สวยงามมาก การได้ไป มาชู ปิกชูเมืองที่สาบสูญ และได้สัมผัสกับอาณาจักรอินคาโบราณแล้ว เปรูยังมีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอีกมากอาทิเช่น กีโตสเมืองที่ไม่มีเส้นทางบกเข้าถึงได้ ทะเลทรายนัซกา เมืองกุซโก้ เป็นต้น
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 180 วัน ได้แก่
ปานามา เป็นประเทศที่มีสภาพอากาศคล้ายกับไทยสุดๆ เพราะเราอยู่ในแถบเส้นศูนย์สูตรเหมือนกัน สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจได้แก่คลองปานามา หมู่เกาะซันบลาส ชมเมืองเก่าแก่ Casco Viejo นั่งเรือแคนูชมหมู่บ้านอินเดียหรือจะพายเรือคายัคเพื่อไปเยี่ยมเยือนชนพื้นเมืองในพื้นที่ในโบคาสเดลโตโร
กลุ่มประเทศที่เที่ยวได้ 365 วัน ได้แก่
จอร์เจีย เมืองสไตล์ยุโรปแต่โอบล้อมด้วยภูเขาสูง แม่น้ำใส อุดมสมบูรณ์ทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม จอร์เจียมีเมืองเก่าแก่ที่สวยงาม น่าไปสัมผัส สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ ทะเลดำ (Black Sea) เทือกเขาคอเคซัส ที่ได้รับฉายาว่าเป็นทัสคันแห่งจอร์เจีย